วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2568

ต้นกำเนิดวันฮัลโลวีน: เรื่องราวและตำนานที่คุณอาจไม่เคยรู้

 


วันฮัลโลวีน หรือ Halloween ที่ตรงกับวันที่ 31 ตุลาคมของทุกปี เป็นเทศกาลที่คนทั่วโลกนิยมจัดกิจกรรมแต่งกายเป็นผี ปีศาจ หรือสิ่งลี้ลับต่าง ๆ แต่คุณรู้หรือไม่ว่าประวัติของวันฮัลโลวีนไม่ได้เกิดจากความสนุกหรือการแต่งตัวเพียงอย่างเดียว แต่มีรากเหง้าทางวัฒนธรรมและความเชื่อที่ยาวนานหลายร้อยปี

1. รากเหง้าของฮัลโลวีน: Samhain ในยุโรปโบราณ

ต้นกำเนิดของวันฮัลโลวีนสามารถย้อนกลับไปได้ถึง ชาวเคลต์ (Celts) ในบริเวณเกาะอังกฤษ ไอร์แลนด์ และฝรั่งเศสตอนเหนือ ประมาณ 2,000 ปีที่แล้ว พวกเขาเชื่อว่าในคืนสุดท้ายของเดือนตุลาคม ซึ่งเรียกว่า Samhain (อ่านว่า “ซาวิน”) เป็นช่วงที่เส้นแบ่งระหว่างโลกคนเป็นและโลกวิญญาณบางลง ทำให้วิญญาณสามารถกลับมายังโลกมนุษย์ได้

ชาวเคลต์ถือว่า Samhain เป็นวันที่สำคัญที่สุดของปี เพราะเป็นการสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยวและเริ่มต้นฤดูหนาว พวกเขาเชื่อว่าวิญญาณที่กลับมาสามารถนำโชคร้ายหรือโรคภัยมาสู่คนเป็นได้ จึงมีการจุดไฟใหญ่ และใส่เครื่องแต่งกายทำเป็นผีหรือสัตว์ประหลาด เพื่อหลอกวิญญาณไม่ให้เข้ามาทำร้าย

2. การเปลี่ยนผ่านสู่คริสต์ศาสนา: All Saints’ Day

เมื่อคริสต์ศาสนาเข้ามาในยุโรป ชาวคริสต์พยายามปรับเทศกาลดั้งเดิมของชาวเคลต์ให้เข้ากับศาสนา จึงเกิด All Saints’ Day หรือวันสมโภชนักบุญทั้งหมด ขึ้นในวันที่ 1 พฤศจิกายน เพื่อเป็นวันที่ระลึกถึงนักบุญทุกคน คืนก่อนหน้าวันนี้คือ All Hallows’ Eve หรือที่ต่อมาฝรั่งเรียกย่อ ๆ ว่า Halloween

การปรับเปลี่ยนนี้ไม่ได้ทำให้ประเพณีดั้งเดิมหายไปทั้งหมด ชาวบ้านยังคงแต่งกายเป็นผี วิญญาณ และสัตว์ลึกลับ รวมถึงจุดไฟใหญ่เพื่อขับไล่วิญญาณร้ายต่อไป

3. Jack-o’-Lantern: ตำนานฟักทองสลักหน้าผี

หนึ่งในสัญลักษณ์ที่รู้จักกันดีของฮัลโลวีนคือ Jack-o’-Lantern หรือฟักทองสลักหน้าผี ตำนานนี้มีจุดเริ่มต้นจากเรื่องเล่าชาวไอริชเกี่ยวกับ แจ็ค คนขี้โกง ผู้หลอกปีศาจจนไม่สามารถไปสวรรค์หรือนรกได้

หลังจากเสียชีวิต แจ็คถูกวิญญาณสาปให้เดินเร่ร่อนในความมืด พร้อมถือไฟสว่างในหัวผักโขม ไอริชจึงเริ่มสลักหัวผักโขมหรือหัวไชเท้าเพื่อเป็นสัญลักษณ์ไล่วิญญาณร้าย และเมื่อชาวไอริชอพยพไปอเมริกาในศตวรรษที่ 19 พวกเขาพบว่าฟักทองที่ปลูกในอเมริกาสามารถสลักง่ายและใหญ่กว่า จึงกลายเป็น Jack-o’-Lantern อย่างที่เห็นในปัจจุบัน

4. ฮัลโลวีนในยุคอเมริกา: ความบันเทิงและประเพณีเด็ก

เมื่อชาวไอริชอพยพไปยังสหรัฐอเมริกา ฮัลโลวีนเริ่มเปลี่ยนรูปแบบจากพิธีกรรมศาสนาและความเชื่อทางไสยศาสตร์ เป็น เทศกาลสนุกสนานสำหรับเด็กและครอบครัว

ในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 เด็ก ๆ เริ่มมีประเพณี “Trick-or-Treat” เดินเคาะประตูขอขนมหรือของขวัญ ถ้าเจ้าของบ้านไม่ให้ก็อาจโดนแกล้งเล็กน้อย พัฒนาการนี้ทำให้ฮัลโลวีนกลายเป็นเทศกาลที่เน้นความสนุกสนานและการแต่งตัวเป็นตัวละครหลากหลาย ไม่จำกัดเฉพาะผีหรือปีศาจอีกต่อไป

5. ฮัลโลวีนสมัยใหม่: จากผีสู่ปาร์ตี้

ปัจจุบันฮัลโลวีนเป็นเทศกาลที่ทั่วโลกนิยมจัด โดยเฉพาะในอเมริกา แคนาดา อังกฤษ และไอร์แลนด์ กิจกรรมที่นิยมได้แก่

  • การแต่งกายเป็นผี ปีศาจ ซูเปอร์ฮีโร่ หรือสัตว์ประหลาด

  • การสลักฟักทองเป็น Jack-o’-Lantern

  • ปาร์ตี้และกิจกรรม Trick-or-Treat สำหรับเด็ก

  • การตกแต่งบ้านด้วยไฟ วิญญาณ และโครงกระดูก

แม้ว่าฮัลโลวีนจะเต็มไปด้วยความสนุกสนานและสีสัน แต่รากเหง้าและตำนานของมันยังสะท้อนถึงความเชื่อโบราณเกี่ยวกับชีวิต ความตาย และวิญญาณที่อยู่รอบตัวเรา

6. เกร็ดน่าสนใจเกี่ยวกับฮัลโลวีน

  • สีหลักของฮัลโลวีนคือ ส้มและดำ สีส้มแทนฤดูเก็บเกี่ยว สีดำแทนความมืดและความตาย

  • ในบางประเทศเช่น เม็กซิโก วันฮัลโลวีนผสมกับ วันแห่งความตาย (Día de Muertos) เป็นเทศกาลรำลึกผู้ล่วงลับ

  • ตำนานแจ็คโอแลนเทิร์นไม่ได้มีต้นกำเนิดจากอเมริกา แต่เป็นเรื่องเล่าของชาวไอริช

  • Candy corn หรือขนมที่รู้จักกันในฮัลโลวีน ถูกคิดค้นในสหรัฐอเมริกาในศตวรรษที่ 19


สรุป
วันฮัลโลวีนไม่ใช่เพียงเทศกาลสนุกสนานสำหรับการแต่งตัวและขอขนม แต่เป็นเทศกาลที่มีรากฐานลึกซึ้งจากความเชื่อโบราณของชาวเคลต์ มีการปรับเปลี่ยนตามศาสนาและวัฒนธรรม จนกลายเป็นเทศกาลที่ผสมผสานระหว่างประวัติศาสตร์ ตำนาน และความบันเทิงสมัยใหม่

สำหรับคนที่ชื่นชอบเรื่องลี้ลับหรืออยากเข้าใจที่มาของประเพณี ฮัลโลวีนเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการที่วัฒนธรรมโบราณสามารถอยู่รอดและปรับตัวจนถึงปัจจุบันได้


รับชมคลิปที่มีสาระน่ารู้ได้เพื่อเติมที่นี่

YOUTUBE

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

10 ปรากฏการณ์ประหลาดในจักรวาล ที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้

  10 ปรากฏการณ์ประหลาดในจักรวาล ที่วิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถหาคำตอบได้ จักรวาลเป็นสิ่งที่กว้างใหญ่เกินกว่าที่มนุษย์จะจินตนาการได้ แม้ว่าเทคโน...